สมาคมพุทธศาสนิกชนในมาเลเซียวอนรัฐบาลไทยเคารพต่อศาสนาและสิทธิมนุษยชน

      สมาคมพุทธศาสนิกชนในมาเลเซีย จากเหตุการณ์วันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้อาศัยเหตุเพี่อที่จะจับกุมตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย โดยใช้มาตรา 44 ประกาศให้วัดพระธรรมกายเป็นเขตควบคุมการเข้าออก และได้สั่งการให้มีกำลังเจ้าหน้าที่หลายพันคนเข้าไปควบคุมวัดพระธรรมกายนั้น 

      ตามที่สื่อมวลชนได้รายงาน ทางตำรวจไทยได้ติดประกาศให้วัดพระธรรมกายเป็นเขตควบคุมการเข้าออก และได้เรียกร้องให้ประชาชนอย่าได้เข้าใกล้บริเวณวัด จนกว่าจะสำเร็จภารกิจ ผู้ที่ขัดขวาง หรือฝ่าฝืนสามารถเข้าจับกุมได้ทันที ดังนั้น การปฏิบัติการครั้งนี้ ได้ก่อให้เกิดความลำบากต่อพระภิกษุ และสาธุชนหลายพันคน ทั้งในด้านการจัดกิจกรรมทางศาสนา และด้านการดำรงชีวิต และในระหว่างการปฏิบัติการดังกล่าว ยังมีการกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้ที่อยู่อาศัยในวัดอีกด้วย

      วัดพระธรรมกาย เป็นวัดที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย และเป็นวัดที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีระบบระเบียบการจัดการที่ทันสมัยที่สุด และมีสาขาอยู่มากมายหลายประเทศ อีกทั้งยังจัดกิจกรรมระดับนานาชาติอีกด้วย 

      ตัวแทนของวัดพระธรรมกายยังเคยดำรงตำแหน่งองค์กรสำคัญทางพระพุทธศาสนาระดับนานาชาติ เช่น ประธานองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก เป็นต้น ซึ่งมีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทย และนานาชาติอย่างมาก 

      ในอดีตหลายปีที่ผ่านมา สมาคมพุทธศาสนิกชน และสมาชิกจากแต่ละทวีป ได้ติดตามข่าวนี้ทางสมาคมขอแสดงความเคารพต่อการที่รัฐบาลไทยใช้กฎหมายตามลำดับขั้นตอน และขอให้ทางรัฐบาลไทยเคารพต่อศาสนา และสิทธิมนุษยชนด้วย ขอให้ดำเนินการด้วยความถูกต้อง และตรวจสอบได้ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยง การค้นหาผู้สงสัยในการกระทำความผิดคนเดียว แต่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคณะสงฆ์หมู่ใหญ่ และสาธุชนในการดำรงชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังบุกรุกวัด และส่งผลขยายกว้างเป็นวิกฤติของพระพุทธศาสนา

      สมาคมพุทธศาสนิกชนในมาเลเซีย ยังได้เชิญสมาคมมหาอัศวพุทธศาสนาได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การขยายผลจากเหตุการณ์นี้ด้วย และขออวยพรให้วัดพระธรรมกาย สามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างราบรื่น

ขอบคุณข้อมูล : 当今大马 DangJinDaMa  เวปหนังสือพิมพ์มาเลเซีย ตั้งจินต้าหม่า  ให้ข่าวเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2560